เมื่อลูกรัก อยากมีสัตว์เลี้ยง

เขียนโดย

DG Smartmom

เผยแพร่เมื่อ

01 เมษายน 2564

อ่านแล้วจำนวน

358

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการให้ลูกเลี้ยงสัตว์เป็นการฝึกความรับผิดชอบที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงเองก็สอนให้ลูกเป็นเด็กจิตใจดี มีเมตตาได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่การจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน ในการเลี้ยงลูกแบบ Advance เราจะต้องมีการเตรียมพร้อมกันก่อนค่ะ 

เตรียมพร้อมก่อนลูกรับสัตว์มาเลี้ยง

ก่อนการจะตัดสินใจให้ลูกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักตัว มีขั้นตอนต่างๆ มากมายที่คุณพ่อคุณแม่เองต้องทราบ และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพือความปลอดภัยของลูกและครอบครัวค่ะ อ้อ รวมถึงของเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักตัวนั้นด้วย 

1. ศึกษาข้อมูลก่อนเลี้ยง ปัจจุบันมีสัตว์เลี้ยงหลากหลายรูปแบบ ถ้าปกติทั่วไปก็คงเป็น สุนัข แมว กระต่าย นก ปลา หนู กระรอก พิเศษขึ้นหน่อยก็เป็น ชูก้าไกลเดอร์ แพรี่ด็อก ชินชิล่า และที่แปลกขึ้นมาหน่อยก็คือเป็น งูบอลไฟธอล กิ้งก่าเบี๊ยดดรากอน แมงมุมทารันทูล่า แต่ส่วนใหญ่แล้วเด็กๆ มักไม่ค่อยชอบสัตว์แปลกเท่าไหร่ แต่ก็อาจมีบางคนที่ชอบจริงๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสัตว์และสายพันธุ์ต่างๆ อธิบายให้ลูกได้

2. เลือกสัตว์เลี้ยงที่ไม่ดุร้าย โดยเฉพาะสุนัขต้องเข้ากับเด็กได้ง่าย ควรซื้อสัตว์เลี้ยงจากฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือ มีใบรับรอง และได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงต้องได้รับการตรวจจากสัตวแพทย์ด้วยว่าไม่เป็นโรค

3. พาลูกไปตรวจร่ายกายก่อนเลี้ยง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกไม่ได้เป็นโรคแพ้ขนสัตว์ โรคหอบหืด หรือแพ้โปรตีนจากขี้ไคลหรือน้ำลายสุนัข เพราะหากเด็กที่มีการแพ้แล้วไปสัมผัสก็อาจจะก่อให้เกิดอาการ เช่น มีผื่นแดง คัน จาม เป็นต้น

4. เวลาและสถานที่ การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง หากเป็นสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ๆ เช่น โกลเด้น ทรีฟเวอร์ ไซบีเรียนฮัสกี้ ย่อมต้องการพื้นที่ในการวิ่งเล่น หรือในสัตว์เลี้ยงตัวเล็กเช่นแมวและสุนัขสายพันธุ์เล็กการเลี้ยงระบบปิด หรือเลี้ยงในบ้านอาจจะดีกว่า แต่ทั้งนี้การจัดพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ในบ้านนั้นเป็นอย่างไร อากาศถ่ายเทสะดวกหรือไม่

5. สอนการเล่นกับสัตว์เลี้ยง ก่อนที่ลูกจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจกับลูกเรื่องการเล่นกับสัตว์ให้ดีเสียก่อน สัตว์แต่ละสายพันธุ์ ลักษณะนิสัยไม่เหมือนกัน สัตว์เลี้ยงบางตัวบอบบาง ต้องจับอย่างทนุถนอม ห้ามดึงหางสุนัขแรงๆ หรือแหย่เวลามันกิน เพราะอาจโดนกัดได้ หรือแมวไม่ชอบให้จับพุง ลูกต้องระมัดระวัง เป็นต้น อย่างระวังมากขึ้น

6. สอนเรื่องความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการพาสัตว์เลี้ยงไปออกกำลังกาย การให้อาหาร การทำความสะอาด เก็บอึสัตว์เลี้ยง เหล่านี้ลูกต้องเรียนรู้และสามารถปฏิบัติได้ เพราะนอกจากลูกจะรู้จักรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองด้วย

แม้การเลี้ยงสัตว์จะมีข้อดีมากมาย แต่หากไม่พร้อมก็ควรปฏิเสธลูกไปว่าครอบครัวเรายังไม่พร้อมและยกเหตุผลประกอบ เช่น รั้วรอบขอบชิดที่บ้านยังไม่แน่นหนา สัตว์เลี้ยงอาจหลุดหายได้ สถานที่คับแคบ ไม่มีเวลาเลี้ยง ฯลฯ เพื่อให้ลูกไม่รู้สึกแย่ว่าคุณพ่อคุณแม่กำลังทำลายความหวังของเขา

บทความที่เกี่ยวข้อง