ลูกน้อยวัย 3 ขวบ เป็นวัยที่ต้องฝึกให้เขาเรียนรู้การเข้าสังคมและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพราะเมื่อถึงเวลาเข้าโรงเรียนลูกจะได้มีความพร้อม และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี

เมื่อถึงวัย 3 ขวบ เป็นวัยที่ลูกต้องเข้าโรงเรียน พ่อแม่มักจะกังวลว่าลูกจะร้องไห้ไหม จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้หรือเปล่า พ่อแม่จึงต้องฝึกการเข้าสังคมตั้งแต่ที่บ้าน เพื่อให้ลูกรู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างดี

7 เทคนิค ฝึกลูกเข้าสังคม เตรียมความพร้อมไปโรงเรียน

ลูกวัย 3 ขวบ เป็นวัยที่ต้องเรียนรู้การเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่จึงต้องฝึกให้ลูกรู้จักการเข้าสังคมไว้ก่อน เพื่อในวันที่ไปส่งลูกไปโรงเรียน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง และไม่เห็นภาพลูกร้องไห้ตามกลับบ้าน แถมลูกยังเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ดีอีกต่างหาก

1. สอนให้ทำตามคำสั่งง่ายๆ เพราะการปฏิบัติตามคำสั่งเป็นส่วน

หนึ่งที่เด็กๆ จะถูกฝึกที่โรงเรียน เช่น เอาหมวกใส่กระเป๋า ไปหยิบแก้วน้ำ ถอดรองเท้าแล้วเก็บในชั้นวางให้เป็นระเบียบ กินข้าวเอง เล่นของเล่นแล้วเก็บ หากเด็กๆ ได้รับการฝึกฝนมาก่อนเขาจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ทำตามคำสั่งของคุณครูได้ ปรับตัวได้ดี

2. ฝึกให้รู้จักการแบ่งปัน โดยเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นในเรื่องการ

แบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่น เช่น พาลูกไปบริจาคสิ่งของ ให้เขาช่วยจัดของใส่ถุง หรือทำอาหารไปแบ่งเพื่อนบ้าน เขาจะเห็นและซึมซับ กลายเป็นเด็กที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือผู้อื่นไปโดยอัตโนมัติ

3. เรียนรู้เรื่องกฎกติกา เด็กๆ ควรเรียนรู้จากที่บ้าน พ่อแม่สามารถ

สอดแทรกเรื่องกฎ กติกาผ่านชีวิตประจำวันของลูก หรือตั้งกฎในบ้าน เช่น กินข้าวเสร็จแล้วถึงเล่นได้ ก่อนจะหยิบของคนอื่นต้องขออนุญาตก่อน เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บ เพื่อให้ลูกเข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้ เมื่อลูกไปโรงเรียนหรือเข้าสังคมอื่นๆ เขาจะเคารพกฎ เคารพผู้อื่น และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

4. ฝึกให้รับฟังและรู้จักยอม โดยฝึกได้จากเวลาที่ลูกอยากได้อะไร

หรือทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร พ่อแม่อย่าดุด่า ตะโกนใส่ แต่ต้องอธิบายด้วยเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงทำไม่ได้ ใช้น้ำเสียงที่นิ่งเรียบ จริงจัง เช่น ลูกอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่แต่ที่บ้านก็มีของเล่นเยอะแล้ว คุณแม่ลองอธิบายว่าที่บ้านมีแล้ว หรือเราลองไปหาอุปกรณ์ที่บ้านมาทำของเล่นใหม่ด้วยกัน หรือเอาไปแลกกับเพื่อนก็ได้ของเล่นชิ้นใหม่มาแล้ว ลูกจะเข้าใจได้เอง เมื่อไปโรงเรียนก็จะเป็นเด็กที่รู้จักฟังคนอื่น

5. ฝึกให้รู้จักการรอคอย โดยพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่าง เวลาพาลูก

ออกไปข้างนอก ต้องฝึกให้ลูกเข้าคิวซื้อของ เวลาหิวสั่งอาหารแล้วต้องรอก่อน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักการรอคอย เข้าใจเรื่องลำดับก่อนหลัง ไม่แซงคิวผู้อื่น

6. สอนให้ลูกรู้จัก “ขอโทษ” และ “ขอบคุณ” เพื่อแสดงให้เห็นถึง

การรู้จักแยกแยะและสำนึกถูกผิด คุณพ่อคุณแม่ช่วยฝึกลูกได้โดยการกระตุ้นเตือนให้พูดขอโทษ ทุกครั้งเมื่อทำผิดและ ขอบคุณทุกครั้งเมื่อได้รับความกรุณาหรือการชมเชยแค่สองคำนี้รับรองได้ว่า ลูกจะเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครูแน่นอน

7. พาไปเล่นกับเพื่อนข้างบ้านหรือญาติพี่น้องวัยเดียวกัน วิธีนี้เป็น

เหมือนภาคปฏิบัติสำหรับข้อแนะนำต่างๆ ที่ได้อบรมสั่งสอนและฝึกลูกมา แล้วให้เขาได้นำไปใช้จริง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตดูลูกอยู่ห่างๆ ให้ลูกได้ตัดสินใจและแก้ปัญหาเอง มีอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ก็ค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอนกันหลังจากที่เด็กๆ เลิกเล่นแล้ว

การเตรียมความพร้อมการเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกได้เองตั้งแต่ที่บ้าน เริ่มตั้งแต่วันนี้ เมื่อถึงวัยไปโรงเรียนเข้าจะเดินเข้าโรงเรียนส่งยิ้มให้พ่อแม่อย่างมั่นใจ หายห่วง

นอกจากจะฝึกเรื่องพัฒนาการการเข้าสังคมแล้ว เรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การที่ลูกได้รับโภชนาการครบถ้วน เช่น การดื่มนมที่มีประโยชน์สูง อย่างนมแพะ ที่มีโปรตีน CPP ตามธรรมชาติ ที่ย่อยและดูดซึมง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที มีพรีไบโอติกที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และยังมี Omega 3 6 9, DHA, ARA ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของสมองอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกรักเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีเยี่ยมสมวัยอย่างเป็นธรรมชาติ เด็กๆ กล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ อย่างมั่นใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างเต็มที่ด้วย