ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมากกว่าช่วงปกติ เช่น ประสิทธิภาพการทำงานของปอดลดลง ระบบภูมิคุ้มกันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคระบบทางเดินหายใจได้ และจากสถานการณ์ปัจจุบันนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามีความเสี่ยงอย่างมากต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ ถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป แต่เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เมื่อติดเชื้อขึ้นมาจะทำให้มีอาการรุนแรงมากกว่าคนปกติ เช่น ต้องคำนึงถึงอายุครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น หรือ ภาวะคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น
สิ่งที่คุณแม่ควรและไม่ควรทำในช่วงนี้จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
Do
✔️ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอ หรือปรุงอาหารให้สุกร้อนทั่วถึง
✔️ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอ หรือปรุงอาหารให้สุกร้อนทั่วถึง
✔️ รักษาระยะห่างในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นด้วยการอยู่ห่างกัน 1 - 2 เมตร
✔️ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดนานอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะทุกครั้งที่มีการไอจาม สัมผัสสิ่งแปลกปลอม ก่อนรับประทานอาหาร และหลังออกจากห้องน้ำ หรือ ใช้แอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้น 70% แทน
✔️ สวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง : เป้าหมายหลักของการสวมใส่หน้ากากอนามัยก็คือ ป้องกันไม่ให้ตัวเองแพร่เชื้อให้กับคนอื่น และช่วยป้องกันละอองเสมหะหรือน้ำลายจากผู้อื่นได้เช่นกัน
✔️ รับวัคซีนป้องกันโควิดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดการเจ็บป่วย
Don’t
✖️ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอาการไอ เป็นไข้ หรือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดหรือรวมกลุ่มกันจำนวนมาก
✖️ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า ดวงตา ปาก และจมูก
✖️ หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะรับประทานอาหารและของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
✖️ แม้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากมีอาการป่วย เล็กน้อย ควรพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ถ้ามีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์
5 เคล็ดลับเสริมภูมิคุ้มกันของคุณแม่ท้อง ห่างไกลเชื้อโรค
1. เลือกโภชนาการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
คุณแม่ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ในระหว่างตั้งครรภ์ และเสริมด้วยนมที่มีส่วนประกอบของนิวคลีโอไทด์ หรือใยอาหาร อย่างนมแพะ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
ช่วงกลางวัน คุณแม่ควรมีเวลาได้พักผ่อนนอนหลับครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง และกลางคืนควรได้นอน 8 - 10 ชั่วโมง ท่านอนตะแคงซ้ายเป็นท่าที่ดีที่สุด เพราะเลือดจะไปเลี้ยงลูกน้อยได้ดี ลดการวิงเวียนศีรษะ
3. ทำอารมณ์จิตใจให้แจ่มใส
เมื่อคุณแม่อารมณ์ดี ลูกน้อยในท้องก็จะมีความสุข สุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีไปด้วย
4. ออกกำลังกาย
คุณแม่ควรหมั่นออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อสุขภาพที่ดีขณะตั้งครรภ์อยู่เสมอ โดยเลือกวิธีการออกกำลังกายง่ายๆ เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ แอโรบิก หรือทำโยคะง่ายๆ
5. ปรึกษาแพทย์สม่ำเสมอ
เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลตัวเอง การพัฒนาลูกน้อยในครรภ์ ตลอดจนปรึกษาเรื่องสุขภาพ ความผิดปกติต่างๆ รวมถึงการคลอด เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้คุณแม่ตั้งครรภ์มั่นใจว่าลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงมี ภูมิคุ้มกัน ที่ดีตั้งแต่ในท้อง
เพียงเท่านี้ คุณแม่ก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดี ร่างกายแข็งแรง หมดกังวลแม้ต้องเจอกับสถานการณ์เสี่ยง และสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือการทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด ปล่อยวางปัญหาต่างๆ เพราะยิ่งคุณแม่คิดบวกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อทารกในครรภ์มากเท่านั้นค่ะ