ในช่วงที่ฝนตกชุกแบบนี้ นอกจากโรคไข้หวัดที่คุณต้องระวังไม่ให้เกิดกับลูกน้อยแล้วนั้น อีกหนึ่งโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่คุณต้องระวังไม่แพ้กันคือ ไวรัส RSV ซึ่งไวรัสชนิดนี้ยังไม่มียารักษาและวัคซีน มาดูลักษณะอาการและวิธีป้องกันอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV กันค่ะ
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial virus)
เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไวรัส RSV เจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่มีอากาศชื้นโดยเฉพาะหน้าฝน พบมากในเด็กเล็ก ไวรัส RSV ติดต่อกันได้ง่ายเพียงการสัมผัสใกล้ชิด และทางลมหายใจ
เชื้อไวรัส RSV มีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 6 วัน เด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่อาการที่เกิดจากไวรัส RSV จะมีอาการหอบ เหนื่อย ร่วมด้วย บางคนหอบมากจนเป็นโรคปอดบวม หายใจหอบจนอกบุ๋ม หายใจแรงจนหน้าอกโป่ง หายใจออกลำบาก หรือหายใจมีเสียงวี้ดแบบหลอดลมฝอยอักเสบ บางรายไอมากจนอาเจียน ซึมลง ตัวเขียว กินข้าว กินน้ำ กินนมไม่ได้
การรักษา
ไวรัส RSV ยังไม่มีวัคซีนป้องกันได้ รวมถึงไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อเด็กได้รับไวรัสนี้จึงต้องรักษาตามอาการ เช่น ระวังการขาดน้ำเพราะจะยิ่งทำให้เสมหะเหนียวข้นและเชื้อลงปอด อาจต้องใช้ยาพ่นร่วมกับ oxygen เพื่อช่วยขยายหลอดลม รับประทานยาลดไข้ตามอาการทุก 4 – 6 ชั่วโมงพร้อมกับเช็ดตัวลดไข้ นอนพักผ่อนเยอะๆ ร่างกายก็จะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ใช้เวลาประมาณ 7 – 14 วัน จึงจะหาย แต่หลังจากหายแล้ว หลอดลมและถุงลมฝอยของเด็กจะมีอาการอักเสบได้ง่ายเมื่อติดเชื้อครั้งใหม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลเป็นพิเศษทั้งเรื่องอาหารและการออกกำลังกายใน ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
การป้องกัน
ไวรัส RSV คือ การล้างมือให้เด็กบ่อยๆ และพี่เลี้ยงเด็กก็ต้องล้างมือบ่อยเช่นกัน เมื่อมีเด็กป่วย ให้แยกเด็กและแยกเครื่องใช้ของเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
มองเผินๆ คุณอาจคิดว่าลูกเป็นหวัดธรรมดา แต่ถ้าไม่สังเกตอาการ และปล่อยไว้นานอาจจะกลายเป็นโรคร้ายที่อันตรายต่อ ชีวิตเด็กๆ ได้ค่ะ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำอีกได้ถ้าน้องๆ ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งจะกระตุ้นอาการหอบจนทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังในที่สุดค่ะ